top of page

9 สิ่งต้องรู้ก่อน ทำประกันชีวิตในยุคปัจุบัน


 

การทำประกันชีวิตเป็นการวางแผนทางการเงินที่สำคัญ เพื่อความมั่นคงของครอบครัวและคนที่รักในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่การเลือกซื้อประกันชีวิตต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับตนเอง 
ผู้เขียนมีโอกาสลงสำรวจแม่ค้าที่ตลาดโซนกะรน จังหวัดภูเก็ต  ผู้เขียนและเพื่อนๆพี่ๆ ทีมงาน ทำแบบสำรวจคร่าวๆค่ะ ก็ได้รับความคิดเห็นต่างๆ ถึงสิ่งที่ได้รับหลังจากทำประกันชีวิต ในลักษณะการออมเงิน และประกันสุขภาพ เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มีแม่ค้าบางท่านบอกว่า


  • เห็นตัวแทนแล้วนึกถึงคนมาทวงหนี้! เวลาทำประกันบอกแต่ข้อดี ข้อเสียไม่บอก  และ

  • ไม่แจ้งว่า เมื่อชำระเงินตามจำนวนปีแล้ว จะยังถอนไม่ได้ และตัวแทนก็ไม่บอกว่าเมื่อชำระแล้วเงิน(เบี้ย)นั้น ยังอยู่ในกรมธรรม์เท่านั้นปี ถ้าถอน (เวนคืนกรมธรรม์) แม่ค้าขาดทุน

  • อีกสิ่งหนึ่งที่เข้าใจแม่ค้าที่ต้องการสื่อสาร คือภาษาในเล่มกรมธรรม์ แม่ค้าบอกว่า “อ่านเข้าใจยากที่ชาวบ้านทั่วๆไปจะเข้าใจ เป็นภาษาเฉพาะ เหมือนภาษากฎหมายก็ว่าได้”

  • และอีกท่านหนึ่ง แม่ค้าท่านนี้ให้ความคิดเห็นได้น่าสนใจเช่นกัน คือ “หลังทำประกันแล้ว ก็ไม่มีการอัพเดทอะไรเกี่ยวกับประกันเลย”

  • “จ่ายประกันสุขภาพครบปีพอดีไม่ต่อประกัน   หลังจาก 5 วันที่กรมธรรม์หมดเป็นโควิดเลย! เสียดาย!”

หลากหลายความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการประกันภัยต่างๆ  ผู้เขียนต้องเกริ่นก่อนนะคะว่า ประกันภัยนั้นมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประกันชีวิต กับประกันวินาศภัย ขยายความของการประกันชีวิต หมายถึง การประกันภัยที่มุ่งให้การคุ้มครองต่อการเสียชีวิตหรือการยังมีชีวิตอยู่ของบุคคล ส่วนประกันวินาศภัย หมายถึง หลักประกันเพื่อความคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติภัยหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายไว้ล่วงหน้าคือ ซึ่งการประกันวินาศภัยนั้นจะมีหลากหลายแบบหากพูดแบบสรุปรวมก็คือนอกจากการประกันชีวิตแล้วก็ถือได้ว่าเป็นการประกันวินาศภัยทั้งสิ้น



 

ในบบทความนี้ เป็นไอเดียให้ผู้สนใจจะมีประกันชีวิตสักเล่ม ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรรู้ 9  สิ่งนี้ คือ

1. วัตถุประสงค์ของการประกันชีวิต:

  • คุ้มครองรายได้ของครอบครัว เสาหลักของครอบครัว ที่หาเงินเข้าบ้าน เพื่อดูแลค่าใช้จ่าย ต่างๆของครอบครัว หากวันหนึ่งเขาทำงานไม่ได้ หรือ ทุพพลภาพ หรือแม้แต่เสียชีวิต การทำประกันชีวิตเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยลดภาระ ความเสี่ยง ได้มาก

  • ชำระหนี้สินที่ค้างชำระ เช่น ครอบครัวซื้อบ้านสักหลัง ต้องผ่อนชำระกับทางธนาคาร หรือกู้ธนาคารเพื่อมาทำธุรกิจ ประกันชีวิตจะเป็นตัวเลือกหนึ่ง ที่เราจะช่วยลดหนี้สิน ลงได้บ้าง


  • การศึกษาและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของบุตร หากเราวางแผนล่วงหน้าในเรื่องค่าใช้จ่ายการศึกษาของบุตร เราจะได้เตรียมตัวว่าจะเก็บเงินไว้ให้บุตรเท่าไร เมื่อถึงวาระที่ต้องจ่าย และเพื่ออนาคตของบุตรท่าน

  • ค่าใช้จ่ายในการจัดการศพและงานศพ เป็นสัจธรรมของธรรมชาติที่เราหนีไม่พ้นในเรื่องนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงคือ ถ้าเราจากไป ทำอย่างไรจะไม่ให้เป็นภาระคนอื่น แต่ละปีค่าจัดงานศพมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ

  • ค่ารักษาพยาบาลกับ โรคเกิดใหม่ นั้นมีขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีเช่นกัน ส่งผลให้การรักษาพยาบาล ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกันชีวิตจะเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ผู้ซื้อประกันชีวิต เลือกแบบประกันที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเฉพาะที่นอกเหนือสวัสดิการของเราเอง  ถือเป็นการลดความเสี่ยงให้ตัวเองได้บ้าง

  • ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง แต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน ประกันชีวิตเราออกแบบได้ เพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา เช่น ความสะดวกสบาย เครื่องมือการแพทย์บางอย่างที่ทันสมัย เราอาจจะมองความแตกต่างที่ประกันชีวิตจะเติมเต็มในการวางแผนชีวิต เพื่อใช้ชีวิตอย่างอุ่นใจ และลดความกังวลในความเสี่ยงลงได้



2.ประเภทของประกันชีวิต:

เป็นเสมือนสัญญาหลักเวลาที่เราจะเอาทุนประกันภัยกับทางบริษัทประกัน ซึ่งจะมี 4 แบบ

  • ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ: คุ้มครองตลอดชีวิตและมีมูลค่าเงินคืน เน้นคุ้มครองชีวิต โดยที่มีกำหนดระยะเวลาชำระ เมื่อครบชำระ ความคุ้มครองชีวิตยังคงอยู่

  • ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา: คุ้มครองในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 10, 20 หรือ 30 ปี ไม่มีมูลค่าเงินคืน เสมือนคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง   โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัว หรือผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ต้องทำงานหารายได้เข้าบ้าน

  • ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์: มีมูลค่าเงินคืนและสามารถใช้เป็นการออมทรัพย์ การออมในรูปแบบประกันชีวิต เน้นการออมระยะยาว และมีวินัยในการออม เสมือนเรามีโครงการจะทำอะไรสักอย่างที่ต้องชำระเป็นเงินใหญ่ในจำนวนปี ที่ต้องการ แนะนำออมในแบบประกันชีวิต

  • ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ: มีมูลค่าเงินคืนและช่วยในการวางแผนการเกษียณ ถ้าใช้คำง่ายๆ จะคล้ายๆ เงินบำนาญ เมื่อชำระเบี้ย ครบอายุ60 ปี (ส่วนใหญ่ในสัญญา กรมธรรม์ เป็นอายุ 60 ปี) บริษัทจะคืนเป็น รายปีให้ ทำให้หมดกังวล ยามแก่ชรา


 

3.ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน:

พิจารณาค่าเบี้ยประกันที่คุณสามารถจ่ายได้โดยไม่ทำให้เกิดภาระทางการเงิน คำนึงถึงความเหมาะสม ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือ ลดความภาระในวัตถุประสงค์ที่เราทำประกันชีวิต อย่างน้อยดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

4.วงเงินคุ้มครอง:

คำนวณจำนวนเงินที่เพียงพอในการคุ้มครองครอบครัวและการชำระหนี้สิน วงเงินคุ้มครองมาก เงินที่ต้องชำระก็เพิ่มตามเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มองในภาพรวมก่อนว่าค่าใช้จ่ายจำเป็นอะไรบ้างที่เรามีส่วนต้องจ่ายแน่นอนก่อน อย่างน้อยไม่เป็นภาระให้คนอื่นที่มากเกินไป

5.สุขภาพและอายุ:

สุขภาพและอายุมีผลต่อค่าเบี้ยประกัน อายุที่น้อยและสุขภาพดีมักมีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่า



6.เงื่อนไขและข้อจำกัด:

อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไข ข้อจำกัด และข้อยกเว้นของกรมธรรม์ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อผลประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเอง เวลาเราทำประกันชีวิต จะมี  Free Look Period  คือเรามีเวลาในการตรวจเช็คเอกสาร ทำความเข้าใจรายละเอียด จากแบบประกันที่เราทำไว้ ให้ครบถ้วน ภายใน 15 วัน หากไม่ตรงตามแบบที่ได้ออกแบบประกันไว้ สามารถแจ้งทางบริษัทประกันชีวิต หรือตัวแทนประกันชีวิต เพื่อยกเลิกกรมธรรม์ได้

7.ความยืดหยุ่นของกรมธรรม์:

พิจารณาความสามารถในการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกกรมธรรม์หากสถานการณ์เปลี่ยนไป เป็นการเผื่อไว้กับสถานการณ์ นั่นคือการเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ ขยายความคือ ผู้เอาประกันไม่ต้องชำระเบี้ยประกันภัยต่อไป ซึ่งระยะเวลาเอาประกันภัยเป็นไปตามระยะเวลาประกันภัยเดิม แต่จำนวนเงินเอาประกันภัย จะเท่ากับเงินเอาประกันภัยของกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำประกันชีวิต ที่เอื้อต่อผู้ซื้อประกันที่ต้องหารคุ้มครองชีวิต



8.บริษัทประกันภัย:

เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความมั่นคงทางการเงิน

9.คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ:

ขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านประกันชีวิตเพื่อช่วยในการตัดสินใจ และแนะนำในการออกแบบประกันชีวิตให้ เพราะการออกแบบประกันชีวิตมีหลากหลายแบบ การขอคำปรึกษากับทางตัวแทนที่เราไว้ใจ จะช่วยเราได้เยอะเลยค่ะ


อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อย่างน้อยทำให้เราได้ตระหนักและเข้าใจ เกี่ยวกับประกันชีวิต ว่า เราทำประกันชีวิตด้วยจุดประสงค์อะไร ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา และได้ประโยชน์สูงสุดกับตัวเอง ในมุมมองหนึ่งประกันชีวิตนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงกับการวางแผนชีวิตเราแล้ว ประกันชีวิตเสมือนมาช่วยเติมเต็ม ความอุ่นใจ ลดความกังวลในการใช้ชีวิตในแต่ละย่างก้าวของชีวิตที่ไม่แน่นอน ดังนั้น เลือกแบบประกันชีวิต ให้เหมาะกับตัวเอง โดยอาจจะใช้ไอเดีย 9 สิ่งในบทความนี้ช่วยในการตัดสินใจทำประกันชีวิตสักเล่ม ประกันชีวิตจะไม่ทำงาน ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ เสมือนเป็นถังดับเพลิง เก็บไว้ในบ้าน วันใดเกิดเพลิงไหม้ สิ่งที่นึกถึงคือถังดับเพลิง นั่นคือ ประกันชีวิต

 

Writer(ผู้เขียน) :Better Call Nika

Comments


bottom of page